วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

NAZA

Naza Group เป็นกลุ่มบริษัทยักษ์ใหญ่ของประเทศมาเลเซีย รวมทั้งธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และอื่นๆ อีกมากมายทั้งในมาเลเซียและต่างประเทศ โดยเริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ ค.ศ.1974 โดยธุรกิจหลักของบริษัท Naza ได้แก่ ผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์ (Kia, Peugeot, Mercedes Benz, Porche และอื่นๆ) และจักรยานยนต์, ผู้แทนจำหน่ายชุดแต่งรถยนต์ Brabus, ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์, ธุรกิจด้านการขนส่งทางบก, ธุรกิจรถบริการลีมูซีน, ธุรกิจเครื่องมือ-เครื่องจักรกล / ผลิตชิ้นส่วน, ธุรกิจด้านวิศวกรรม, เกษตรกรรม, ผู้แทนจำหน่ายบุหรี่, สถาบันการเงิน (Credit & Leasing) ธุรกิจเดินเรือ, ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์, โรงแรมในมาเลเซียและอเมริกา, ธุรกิจประกันภัยและอื่นๆ
ส่วนธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วและสร้างชื่อเสียงให้กับ Naza Group กลับเป็นธุรกิจด้านการจำหน่ายรถยนต์ ในนามของ Naza Motor Trading SDN BHD ซึ่งเปรียบเสมือน "บ้านของคนที่รักรถยนต์" โดยให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด และเต็มไปด้วยรถยนต์หลายรุ่นและหลากรูปแบบ ตั้งแต่รถยนต์ระดับหรู จนถึงระดับครอบครัวหรือรถยนต์สไตล์สปอร์ต ไปถึงรถสไตล์ออฟโรด ซึ่งไม่มีคำใดบรรยาย Naza Motor Trading ได้ดีเท่ากับคำว่า "แกลลอรี่ยานยนต์" (One Stop Automotive Gallery) 
โรงงานประกอบรถยนต์ Naza Automobile Manufacturing (NAM) ตั้งอยู่ที่ Gurun Kedak มาเลเซีย มีพื้นที่ 140 เอเคอร์ รวมสนามทดสอบและื้นที่ตั้งของผู้ผลิตชิ้นส่วนอื่นๆ ด้วย เริ่มก่อตั้งเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2002 และเริ่มก่อสร้างตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2003 เสร็จแล้วสมบูรณ์ในเดือน พฤษภาคม ปี 2004 จากนั้นเริ่มประกอบรถ Kia Carnival ในเดือนสิงหาคม ปี 2004 หลังจากย้ายไลน์การผลิตมาจากโรงงานที่ Pekan ได้เริ่มประกอบรถยนต์ Kia Carens และในปี 2005 โรงงานประกอบรถยนต์ NAM ได้ผ่านมาตรฐาน ISO 9001:2000 UK และเริ่มดำเนินการประกอบรถ Kia ในรุ่นต่างๆ รวมทั้งประกอบรถในลักษณะ CUB ในรุ่น Mercedes Benz, Porche, Peugeot และ Naza Forza
โรงงานประกอบรถยนต์ NAM ได้เริ่มส่งนักศึกษาด้านวิศวกรไปศึกษายังประเทศญี่ปุ่นและประเทศเกาหลี เพื่อรองรับธุรกิจรถยนต์ของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ของ Naza ที่ถือเป็นโรงงานที่ทันสมัย มีไลน์การประกอบ การเชื่อม การชุบ/พ่นสี-ตัวถัง ควบคุมการประกอบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ทั้งหมด (Fully Automated) มีศูนย์เพื่อวิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนต่างๆ สนามทดสอบการขับขี่ การตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ เครื่องการทดสอบชิ้นส่วนต่างๆ ด้านความทนทาน แข็งแรง และอื่นๆ เพื่อให้ได้ชิ้นส่วนที่มีคุณภาพ
และด้วยสายตาอันกว้างไกล ประกอบกับอุตสาหกรรมด้านรถยนต์และธุรกิจอื่นๆ ของผู้บริหารระดับสูง Mr.Nashimuddin Amin ดำรงตำแหน่ง CEO ได้ให้ความสำคัญกับคุณภาพ และคำนึงถึงความพึงพอใจของลูกค้า เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่งผลให้ Naza Group เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน Naza มีโชว์รูมจำหน่ายรถยนต์ทั่วประเทศมาเลเซีย จำนวน 146 แห่ง ศูนย์บริการ 90 แห่ง มีพนักงานมากกว่า 4,000 คน ทั้งมีสถาบันฝึกอบรม Naza Kia (Naza Kia Academy) เพื่อพัฒนาคุณภาพของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


KIA


เกีย คือบริษัทผู้ผลิตยานพาหนะที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศเกาหลี มีพนักงานประจำหลายหมื่นคน มีเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ ให้มีคุณภาพในราคาที่เป็นเจ้าของได้ คำแรก Ki มีความหมายว่า "ทำให้ทั้งโลกรู้จัก" คำว่า a หมายถึงทวีปเอเชีย เมื่อรวมกับคำว่า Kia หมายความว่า "ออกจากเอเชียขึ้นมาสู่โลก" หรืออาจตีความว่า สร้างรถยนต์เอเชียให้เป็นมาตรฐานโลก
ประวัติความเป็นมาของบริษัท ยนตรกิจเกียมอเตอร์ จำกัด กว่า 64 ปีมาแล้วที่ Kia Motors ที่ได้เริ่มสร้างสรรค์ยานพาหนะออกสู่ตลาดสาธารณะ นับตั้งแต่จักรยานคันแรก ที่ออกจากสายพานจากโรงงานผลิตของ Kia จวบจนถึงรถยนต์ประเภทต่างๆ ตั้งแต่รถซาลูนขนาดเล็ก รถบรรทุกขนาดต่างๆ รถบัส รถ SUV หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ รวมถึงรถยนต์ที่ใช้ในกองทัพ
ชื่อ Kia จึงไม่ใช่ผู้ผลิตรถยนต์รายใหม่ แต่ Kia มีประสบการณ์ในการผลิตรถยนต์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะรถโดยสาร รถบรรทุกและอื่นๆ โดยมีเจตนาให้การผลิตและออกแบบรถยนต์ เพื่อให้รถยนต์คุณภาพที่ดีและทันสมัย มีสมรรถนะและความสะดวกสบาย และความคุ้มค่า คุ้มราคาที่เหมาะสมเป็นเจ้าของได้ง่าย
ตลาดมีรถยนต์ขายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ทั้งยุโรปและอเมริกา ตัวแทนจำหน่ายกว่า 4,600 แห่งใน 167 ประเทศทั่วโลก และพนักงานกว่า 33,000 คน นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี, ซื้อขาย, ชิ้นส่วน แนวการพัฒนารถยนต์ร่วมกับ Hyundai, Ford, Daimler-Chrysler ทั้งมีบริษัทการเงินเป็นของตนเอง และธุรกิจต่อเนื่องต่างๆ อีกมากมาย
Kia Motors จึงเป็นบริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่มีประสบการณ์และอนาคตที่ยาวไกล และสดใสตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 64 ปี ได้รับการตอบสนองและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับผู้ใช้รถยนต์ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ย่อมเป็นการพิสูจน์ได้ดีถึงการดำเนินการที่ผ่านมาของ Kia Motor
เรื่องราวจองเกียได้ถูกจารึกไว้กับการผลิตรถยนต์ ด้วยจุดมุ่งหมายเพียงหนึ่งเดียวในการทำสิ่งที่ดีกว่า ยานยนต์ที่ปลอดภัยในการเดินทางไปที่ต่างๆ เกียกำลังมุ่งสู่อนาคตด้วยการเตรียมตัวสำหรับทศวรรษที่ 21 เราได้เสริมประสบการณ์และเทคโนโลยีของเรา เพื่อให้ไดรถที่เป็นมิตรกับคนและสิ่งแวดล้อม เพื่อชีวิตที่ดีกว่าและมีความสุขมากขึ้นสำหรับคนทั่วโลก

SUBARU

สัญลักษณ์ของซูบารุ เป็นรูปดาว 4 แฉก ดวงใหญ่ และดวงเล็ก 5 ดวง ล้อมรอบด้วยวงรี 1 วง เป็นสัญลักษณ์แทนความหมายว่า ฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ (Fuji Heavy Industries) เจ้าของชื่อ ซูบารุ เป็นบริษัทที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของบริษัทเล็ก 5 บริษัท ต้นกำเนิดของซูบารุ คือ บริษัท นากาจิม่า แอร์คราฟ (Nakajima Aircraft) ซึ่งก่อตั้งในปี 2488 และเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วยเหตุผลทางการเมือง กองกำลังสัมพันธมิตรที่เข้ายึดครองญี่ปุ่น ได้บังคับให้นากาจิม่า แอร์คราฟ แยกกิจการเป็น 12 บริษัทย่อย ดังกล่าวนั้น ได้รวมตัวเข้าด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง และก่อตั้งเป็นบริษัท ฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ ขึ้น โดยที่กิจการของบริษัทที่เกิดใหม่นี้ ไม่ใช่การผลิตเครื่องบินเช่นครั้งก่อน หากเป็นการผลิตเครื่องยนต์แบบแรก ที่ออกจำหน่ายในญี่ปุ่น เป็นรถยนต์นั่งขนาดมินิ ขับเคลืีอนด้วยเครื่องยนต์แบบ 2 จังหวะ ระบายความร้อนด้วนอากาศ ความจุ 356 ซีซี รถรุ่นนี้มีชื่อว่า ซูบารุ 360
ตั้งแต่ปี 2511 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนิสสัน แต่ยังคงออกผลิตรถยนต์จำหน่ายในชื่อ ซูบารุ เช่นเดิม กิจการของฟูจิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ ในปัจจุบัน มีทั้งการผลิตรถยนต์นั่ง รถแวน รถบรรทุกขนาดเล็ก รถโดยสาร เครื่องบิน และเฮลิคอปเตอร์

FORD

ฟอร์ด (FORD) ซึ่งเป็นยี่ห้อของรถ ได้มาจากชื่อสกุลของนาย Henry Ford อัจฉริยะนักประดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งกิจการรถยนต์ฟอร์ดขึ้นในสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบศตวรรษที่ผ่านมา สัญลักษณ์รถยนต์ฟอร์ดที่ใช้กันทั่วโลกเป็นรูปวงกลมสีน้ำเงิน มีเส้นขอบสีขาว และตรงกลางเป็นตัวอักษร Ford สีขาว
ฟอร์ด มอเตอร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ฟอร์ด (Ford Motor Company) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของโลก ตั้งอยู่ที่รัฐมิชิแกน ก่อตั้งโดย เฮนรี่ ฟอร์ด ปัจจุบันเป็นผู้ผลิตอันดับ 2 ของโลก รองจาก GM ฟอร์ด มอเตอร์ เป็นเจ้าของยี่ห้อรถยนต์ต่างๆ ได้แก่ ฟอร์ด (Ford), ลินคอล์น (Lincoln), เมอร์คิวรี่ (Mercury) นอกจากนี้ยังเข้าไปถือหุ้นใหญ่ในกิจการของบริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นอย่างมาสด้า (Mazda) 
ฟอร์ดมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย (ดีทรอยต์แห่งเอเชีย) และฟอร์ดตั้งใจจะเพิ่มการผลิตขึ้นอีก เพื่อทำให้ธุกิจเติบโตและสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า แต่การดำเนินการในช่วงเริ่มแรกนั้นไม่ราบเรียบเท่าไรนัก 
ในปี 2503 ฟอร์ดได้ถือกำเนิดขึ้นมาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในเวลานั้นบริษัท ไทย มอเตอร์ อินดัสทรี้ ได้ก่อตั้งขึ้นมา เพื่อเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง แองโกล-ไทย มอเตอร์กับฟอร์ด ยู.เค. และบริษัทนี้ก็เริ่มทำงานประกอบชิ้นส่วนรถยนต์อย่างรวดเร็ว
ต่อมาในปี 2516 ได้มีการจัดตั้งกิจการร่วมทุนดังกล่าวเป็นบริษัทลูกของฟอร์ด ในชื่อของฟอร์ด ประเทศไทย แต่บริษัทนี้ยุติการดำเนินการในปี 2519
แต่ฟอร์ดยังคงไม่ละทิ้งความพยายาม โดยรุกตลาดไทยอีกครั้งหนึ่งในปี 2538 พร้อมทั้งก่อตั้งบริษัท ออโต อลิอันซ์ จำกัด ขึ้นซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดระยอง ออโต อลิอันซ์ มีฟอร์ดเป็นเจ้าของร่วม (ร้อยละ 48) มาสด้า (ร้อยละ 45) เคพีเอ็น (ร้อยละ 2) และเอสเอ็มซี (ร้อยละ 5) โรงงานดังกล่าวเป็นการลงทุนมูลค่า 500 ล้านดอลล่าร์ และมีหน้าที่หลักในการผลิตรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ และมาสด้า ไฟท์เตอร์ บีซีรี่ส์

FERRARI

รถสปอร์ตสายพันธ์ุอิตาลี ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก สปอร์ตสายพันธุ์ดุ ภายใต้สโลแกน "ม้าลำพองจากเมือง Maranello" (The Prancing Horse From Maranello) สัญลักษณ์ของ Ferrari แยกออกได้เป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนมีที่มาแตกต่างกัน ไล่ไปตั้งแต่พื้นสีเหลือง คือ สีประจำเมืองโมเดนา (Modena) ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งของโรงงาน รูปม้ากำลังผ่่านโผนเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของ Francesco Baracca นักบินฝีมือดีสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 แถบสีเขียว-ขาว-แดง ที่พาดอยู่ตอนบนคือสีธงชาติอิตาลี
Enzo Ferrari ผู้ก่อตั้งกิจการและนำ Ferrari มุ่งสู่รถสปอร์ตเบอร์ 1 ของโลก ในอดีตของ Enzo Ferrari เคยเป็นนักขับรถแข่งให้แก่ อัลฟ่า โรมิโอ มาก้อนในปี 1940 ขณะที่มีอายุ 42 ปี เขาลาออกและก่อตั้งกิจการขึ้นเอง มีชื่อว่า Societa Auto Avio Construzioni Ferrari กิจการที่ทำคือออกแบบและผลิตรถแข่ง และนั่นคือจุดเริ่มต้นตำนานรถสปอร์ต "ม้าลำพองจากเมือง Maranello" ที่มีทีมแข่งรถที่มีชื่อเสียงมากกว่า 4 ทศวรรษ
Ferrari คว้าตำนานแชมป์โลกผู้ผลิตมาแล้วรวม 14 ครั้ง คว้าแชมป์การแข่งขันลอมังส์ 24 ชั่วโมง 9 ครั้ง ชนะเลิศการแข่งขันรถฟอร์มูล่า 1 ชิงแชมป์โลกรวม 103 ครั้ง ครองตำแหน่งแชมป์ผู้สร้างรถ 6 สมัย ในวงการแข่งขันรถฟอร์มูล่า 1 ชิมแชมป์โลก 
Ferrari คือทีมที่ประสบความสำเร็จสูงสุด ควบคู่กับการแข่งรถคือ การปลิตสปอร์ตชั้นยอด เพื่อจำหน่ายให้แก่นักเลงรถยนต์ผู้มีรสนิยม โดยที่ส่วนใหญ่ Ferrari จะออกแบบและผลิตรถยนต์ขึ้นเอง และว่าจ้างผู้ชำนาญด้านตัวถัง เช่น ฟินินฟาริน่า ฯลฯ เป็นผู้ออกแบบตัวถังในช่วง 46 ปีที่ผ่านมา คือตั้งแต่ปี 1946 จนถึงปัจจุบัน Ferrari ผลิตเครื่องยนต์ไปแล้วประมาณ 160 แบบ และผลิตรถสปอร์ตแบบต่างๆ ออกจำหน่ายในตลาดรวมทั้งสิ้นประมาณ 60,000 คัน รถที่ผลิตมากที่สุด คือ Ferrari 328 จีทีเอส ทำสถิติสูงถึง 4,979 คัน

CHEVROLET

เชฟโรเลต มีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือน พฤศจิกายน 2541 ว่ารถยนต์รุ่นแรกที่ทางจีเอ็มจะทำการผลิตในประเทศไทยคือ รถยนต์ซาฟีรา ซึ่งจะดำเนินการผลิตจำนวน 40,000 คันต่อปี โดยในจำนวนนี้จะทำการส่งออกไปยังตลาดต่างๆ ทั่วโลก โดยจะทำการส่งออกไปยังทวีปยุโรปประมาณ 85% และที่เหลือจะเป็นการจำหน่ายยังตลาดภายในประเทศ เชฟโรเลต (ชื่อในประเทศไทย) หรือเชฟโรเลต์ (ชื่อในประเทศอื่นๆ) (ภาษาอังกฤษ : Chevrolet) เป็นยริษัทผลิตรถยนต์ในสหรัฐอเมริกา ในปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของ GM มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า เชฟวี่ (Chevy) เชฟโรเลตผลิตรถยนต์ออกมาหลายรุ่น โดยรุ่นที่นิยมของเชฟโรเลต คือ อิมพาลาและคอร์เวตต์ ในปีพ.ศ.2548 ในสหรัฐอเมริกา เชฟโรเลตทำยอดขายเอาชนะคู่แข่งฟอร์ด เป็นครั้งแรกในรอบ 19 ปี
เชฟโรเลตก่อตั้งโดย หลุยส์ เฟโรเลตต์ และวิลเลียม ซี ดูแรนด์ ในวันที่ 3 พฤศจิกายน ค.ศ.1911 ได้เข้าสู่ตลาดบริษัทรถยนต์ และในปีค.ศ.1916 เชฟโรเลตทำกำไรมากพอ ทำให้ดูแรนด์ได้ซื้อหุ้นของบริษัท GM และในปีค.ศ.1917 ดูแรนด์ได้กลายมาเป็นประธานบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ และเชฟโรเลตได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท
ในช่วงปี ค.ศ.1936 เชฟโรเลตเป็นที่นิยมมาก จนได้ชื่อว่า 1 ใน 10 ของรถทั้งหมดที่ขายในสหรัฐอเมริกา ช่วงนั้นจะต้องมีหนึ่งคันที่เป็นเชฟโรเลต
เชฟโรเลต เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
เชฟโรเลต เซลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2543 โดยเป็นบริษัทในเครือของบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทจะทำการจัดสรรรถยนต์ที่ผลิตโดย เจเนอรัล มอเตอร์ส และให้การบริการแก่ผู้แทนจำหน่ายของบริษัทฯในประเทศไทย เชฟโรเลต เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเทพฯ
รถยนต์เชฟโรเลต ซาฟีรา จะเป็นรถยนต์รุ่นแรกของบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส ที่จะมีการทำการตลาด โดยผ่านทางเครือข่ายผู้จัดจำหน่ายของบริษัท เครืข่ายของผู้แทนจำหน่ายของบริษัท มีอยู่ทั้งสิ้น 21 แห่งทั่วประเทศไทยในขณะนี้ ซึ่งจะมี 4 แห่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพฯและที่เหลือจะกระจายอยู่ในเขตการตลาด ตามหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดต่างๆทั่วประเทศ

GM

เจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น เป็นบริษัทผู้ผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อ พ.ศ.2451 รวมหลายบริษัทเข้าด้วยกัน และในปัจจุบันมีการดำเนินงานในหลายรูปแบบ รวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์ โรงงานประกอบรถยนต์ ศูนย์จัดจำหน่ายทั่วทั้วอเมริกา แคนาดาและอีกหลายๆ ประเทศในภูมิภาคทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย สินค้าและผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ประกอบด้วย รถยนต์ รถบรรทุก อะไหล่ และส่วนประกอบยานยนต์ หัวรถจักร ธุรกิจเหมืองแร่ เครื่องจักรการก่อสร้าง อุปกรณ์ทางด้านไฟแนนซ์ และการประกันภัยให้กับสินค้า และผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ GM มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองดีทรอยท์ มิชิแกน สหรัฐอเมริกา
GM มีพนักงานรวมกันทั่วโลกกว่า 600,000 คน และในจำนวนนี้มีถึง 160,000 คน ในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค ซึ่ง GM มีสำนักงานประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิค ตั้งอยู่ ณ ประเทศสิงคโปร์ เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์เปอเรชั่น ได้รวมเอาการผลิตรถยนต์แห่งใหม่ล่าสุดในประเทศไทยที่มีความทันสมัยแห่งหนึ่งของโลกเข้าเป็นหนึ่งในจำนวนศูนย์การผลิตรถยนต์ของ GM ที่มีมากกว่า 50 แห่งทั่วโลก ในปัจจุบัน เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์เปอเรชั่น เป็นบริษัทยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก ได้ดำเนินการบริหารและทำการตลาดทางด้านรถยนต์ในแบรนด์ต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักของโลกหลายแบรนด์ ได้แก่ บูอิค คาดิลแลค เชฟโรเลต จีเอ็มซี โฮลเด้น โอเปิล โอลสโมบิล ปอนเตี๊ยก แซทเทิร์น ซาบและวอกซ์ฮอลล์
GM ยังได้มีกิจกรรมร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกหลายบริษัท โดยเข้าไปถือหุ้นในแต่ละบริษัท อาทิ อีซูซุ 49% ซูบารุ 20% ซูซูกิ 10% และเฟี๊ยต 20% นอกจากนี้ยังได้การร่วมมือกันทางด้านการวิจัยและพัฒนากับบริษัทรถยนต์ชั้นนำของโลก อาทิ ฮอนด้าและโตโยต้าอีกด้วย
ประวัติบริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด 
บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เป็นหัวหอกสำคัญอันหนึ่งในกลยุทธ์ในการขยายบริษัทของ เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิค ศูนย์การผลิตรถยนต์มูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท ของบริษัทที่ได้มาลงทุนที่ประเทศไทย ณ จังหวัดระยองถือเป็นศูนย์การผลิตหนึ่งในสี่ ที่เหมือนกันและมีความทันสมัยมากของ GM ศูนย์การผลิตอีก 3 แห่ง ล่าสุดนั้นตั้งอยู่ในเมืองกลิวิส โปแลนด์ เมืองโรซาริโอ อาร์เจนติน่า และเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน
ศูนย์การผลิตรถยนต์ เจเนอรัล มอเตอร์ส ประเทศไทยนั้น ตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯไปทางทิศตะวันออกประมาณ 117 กิโลเมตร มีพื้นที่รวม 440 ไร่ในนิคมอุตสาหกรรมอีสเทิร์นซีบอร์ด อำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง ได้มีการวางศิลาฤกษ์ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2539 และได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนธันวาคม 2542 และได้มีการดำเนินการทดสอบการผลิตหลังจากนั้นเป็นต้นมา ในจำนวนพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้นกว่า 106,000 ตารางเมตร ภายในศูนย์การผลิตรถยนต์นี้ ประกอบไปด้วย โรงงานขึ้นรูปตัวถังรถยนต์ โรงงานสี และโรงงานประกอบรถยนต์ ศูนย์การผลิตรถยนต์นี้แห่งนี้มีกำลังการผลิต 40,000 คันต่อปี ซึ่งทางศูนย์การผลิตฯจะเริ่มทำการผลิตรถยนต์เพื่อการพานิชย์ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เป็นต้นไป

AUDI

"ออดี้" บริษัทผลิตรถยนต์ชื่อดังแห่งหนึ่งในประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1899 โดยในปี ค.ศ.1932 สัญลักษณ์วงแหวน 4 วงซ้อนกันได้ปรากฎขึ้น โดยแสดงถึงการรวมตัวกันระหว่างโรงงานผลิตรถยนต์ AUDI, DKW, HORCH and WANDERER บริษัทผลิตรถยนต์กลุ่มสหภาพ Auto Union AG ในเมือง Chemnitz (เคมนิช) ซึ่งบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนจัดหาอะไหล่หม้อน้ำสำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ใหักับโรงงายขนาดใหญ่ในเยอรมนี ตั้งแต่ปี ค.ศ.1930 โดยจัดสรรอะไหล่ให้ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ ไปจนถึงรถยนต์ระดับหรู
โดย Audi หรือวงแหวนวงแรก ก่อตั้งโดย August Horch ในปี ค.ศ.1909 ที่เมือง Zwickau และเริ่มจำหน่ายในปี ค.ศ.1910 ภายใต้ชื่อทางการค้า "Audi" ซึ่งในภาษาละตินคำว่า Horch ในภาษาเยอรมันนั้นหมายถึง "Listen" ซึ่งนโยบายของบริษัทก็คือ ต้องการสร้างรถยนต์เป็นหลัก โดยรถยนต์ที่ถูกสร้างขึ้นจะเน้นไปในทางรถยนต์ระดับหรู โดยความสำเร็จที่ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำ การยอมรับจาก International Austrain Alpine Rallies ที่ยกย่องให้ Audi เป็นแบรนด์รถยนต์ที่ให้สมรรถนะสูง และสะท้อนถึงความเป็นแบรนด์เพื่อผู้ดีชั้นสูงมาตลอดปี ค.ศ.1912-1914 ซึ่งรถยนต์ Audi ที่ได้รับความนิยมในขณะนั้น มีดังนี้ Audi Type / 22 hp Sport-Phaeton เครื่องยนต์ ขนาด 2.6L สูบ เป็นรถยนต์ Audi คันแรกที่ออกแบบโดย August Horch ร่วมกับ Hermann Lange ในปี ค.ศ.1910 ตามด้วย Audi Trye C ในปี 1913, Audi Trye K ในปี 1921, Audi Trye R รถยนต์ 8 สูบคันแรกในตระกูล Audi ในปี 1927 ตามด้วย Audi Type UW "Front" และ Audi Type 920 Saloon ขับเคลื่อนล้อหลัง
ส่วน DKW หรือวงแหวนวงที่ 2 นับเป็นตัวแทนของบริษัทผู้ผลิตรถจักยานยนต์และรถยนต์ขนาดใหญ่ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1916 โดย Jongen Skaft Rasmussen ที่เริ่มต้นการทดลองขับรถยนต์ไอน้ำในเมือง Zschopau ต่อมาในปี ค.ศ.1919 บริษัทได้เป็นที่รู้จักในฐานะที่เป็น Zschopauer Motorenwerke และขณะเดียวกันก็เป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องยนต์ขนาดเล็กแบบ 2 จังหวะ โดยผลผลิตลำดับแรกของ DKW ในปี 1928 คือรถยนต์ขนาดเล็กๆ หลังจากนั้นในปี 1945 DKW ก็ได้ผลิตรถจักรยานยนต์และรถยนต์ขั้นพื้นฐาน เพื่อเป็นการวางรากฐานที่มั่งคงอีกครั้งในฐานะกลุ่มสหภาพ Auto Union ในเมืองอินกอลสตาดท์ เยอรมนี โดยรถยนต์ขึ้นชื่อของ DKW มีดังนี้ DKW P15 Roadster, DKW-Sonderklasse cabrio-Saloon, DKW F89 Meisterklasse, DKW F89 S Meisterklasse Universal, DKW F93 Cabriolet และ DKW F12 Roadster
วงแหวนที่ 3 ซึ่งแสดงถึง Horch หรือความเป็นต้นแบบแห่งคุณภาพ ถึงแม้ว่าในปี 1909 August Horch จะก่อตั้งโรงงาน Horchwerke ไว้ในเมือง Zwickau แต่เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของบริษัทไว้ล่วงหน้าแล้วตั้งแต่ปี 1904 โดยเขาได้ออกแบบรถยนต์ภายใต้ปรัชญาที่ว่าด้วยการหลอมรวมเอาศิลปะและวิทยาการเข้าไว้ด้วยกัน และประกาศให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายของเขา ที่ต้องการสร้างรถยนต์ที่สูงด้วยคุณภาพ พรั่งพร้อมด้วยรูปแบบที่ทรงพลัง โดยรถยนต์ของ Horch WFT ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีความสำคัญยิ่งยวด ในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งประเทศเยอรมนี โดยถูกยกย่องให้เป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ในระดับหรู และโรงงานต้นแบบคุณภาพ ด้านการผลิตยานยนต์
วงแหวนที่ 4 หรือ Wanklhofer และ Richard Adolft Jaenick, ที่ได้เปิดร้านซ่อมรถจักรยานในเมือง Chemnitz ตั้งแต่ปี ค.ศ.1885 โดยชื่อบริษัทของเขาทั้งสองถูกตั้งขึ้นในปี 1896 ชื่อ "Wanderr Fahrradwerke AG." โดยในปี 1902 Wanderer ได้สร้างมอเตอร์ไซค์คันแรกขึ้นมา และเริ่มต้นผลิตรถยนต์ในปี  1913 วงแหวนที่ 4 ใน Audi emblem ได้แสดงให้เห็นถึงการแบ่งสัดส่วนของรถยนต์ตระกูล Wanderrer และการเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่ม Auto Union AG ในปี 1932
สำหรับความเป็นมาของรถยนต์ Audi ในประเทศไทย ค่ายรถยนต์จากประเทศเยอรมนีค่ายนี้ ได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก "ยนตรกิจ กรุ๊ป" ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัท ผู้ผลิต ประกอบ ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ รถยนต์ยุโรปที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยกลุ่มบริษัทยนตรกิจเอง ประกอบไปด้วยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจรถยนต์ โดยมีผลการประกอบการประจำปีสูงถึง 500 ล้านยูเอสดอลลาร์ 

ALFA ROMEO

ALFA ROMEO ยานยนต์ อิตาลี สัญลักษณ์ที่เห็นบนแผงกระจังหน้าของรถอัลฟ่า โรมิโอ มีที่มาจากเป็นตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลวิสคอนติ (VISCONTI) ซึ่งเป็นตระกูลเก่าแก่ของเมืองมิลาน โดยเป็นที่ตั้งของโรงงานของอัลฟ่า โรมิโอ รูปมังกรสีเขียวกำลังกลืนกินเด็กสีแดงทางด้านขวามือ หมายถึงมังกร ที่เป็นเรื่องเล่าในตำนานว่าถูกสังหารโดยบรรพบุรุษของตระกูล ในสมัยคริสต์วรรษที่ 5 ส่วนกางเกงสีแดงบนพื้นสีขาวด้านซ้ายมือ เป็นสัญลักษณ์การเข้าร่วมสงครามครูเสด (CRUSADE) ของตระกูลวิสคอนติ อัลฟ่า โรมิโอ
อัลฟ่า โรมิโอ นับเป็นบริษัทผลิตรถยนต์เก่าแก่ของอิตาลี ซึ่งเริ่มต้นกระบวนการผลิตมาตั้งแต่ปี 1910 ในช่วงเริ่มต้น อัลฟ่า โรมิโอ ผลิตรถยนต์จำหน่ายในชื่อ ALFA ซึ่งเป็นอักษรย่อของบริษัท ชื่อ SOCIETE ANONLMA LOMBARDA FABBRICA AUTOMOBILI (ตรงกับ LAMBARDA MANUFACTURING CO.ในอังกฤษ) จนกระทั่งปี 1915 ตระกูลวิสคอนติ ได้ขายกิจการให้แก่ นิโคลา โรเมโอ (NICOLA ROMEO) ได้เปลี่ยนชื่อยริษัทเป็น SOCIETE ANONLMA ROMEO CO. พร้อมกับใช้ชื่อรถที่ผลิตออกจำหน่ายเป็น ALFA ROMEO นับแต่นั้นมา
อัลฟ่า โรมิโอ เป็นค่ายรถยนต์ที่ให้ความสำคัญกับวงการมอเตอร์สปอร์ตเป็นอย่างมาก จึงเป็นปลให้ความสำเร็จจากการส่งรถเข้าแข่งขันนี้เองที่ทำให้รถอัลฟ่า โรมิโอ ผ่านธงตราหมากรุกในอันดับต้นๆ ในทุกสนามที่ลงแข่งขัน ในช่วงทศวรรษหลังปี 1930 อัลฟ่า โรมิโอ ต้องเปลี่ยนมืออีกครั้งเนื่องจาก ประสบปัญหาเรื่องเงินหมุนเวียน กิจการทั้งหมดตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลอิตาลี ในปี 1933 รัฐบาลอิตาลีบริหารจัดการ อัลฟ่า โรมิโอ ก็มีอันต้องเปลี่ยนคนควบคุมกิจการอีกครั้ง ในปี 1986 โดยครั้งนี้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่งคือ เฟียต (FIAT) ปัจจุบัน อัลฟ่า โรมิโอ จึงมีฐานะเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในเครือของเฟียต ซึ่งกลุ่มบริษัทรายใหญ่ที่สุดของอิตาลี โรงงานผลิตรถ อัลฟ่า โรมิโอ ในอิตาลี มีอยู่ 2 แห่งในเมืองมิลานในภาคเหนือ และที่เมืองเนเปิลในภาคใต้ ในรอบปี 1991 อัลฟ่า โรมิโอ ผลิตรถยนต์นั่งออกจำหน่าย รวมทั้งสิ้นประมาณ 230,000 คัน รถที่ได้รับความนิยมไล่เรียงกันไป คือ อัลฟ่า 33, อัลฟ่า สปอร์ต วากอน, อัลฟ่า 75, อัลฟ่า 164, อัลฟ่า 155-156
สำหรับประเทศไทย บริษัทไทย เพรสทีจ โอโตเซลล์ จำกัด เป็นผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการ