วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

ป้ายจราจร - ป้ายเตือน

ป้ายจราจร ประเภทป้ายเตือน

ป้ายเตือนนี้ ลักษณะของป้ายสัญลักณ์ เป็นการเตือนให้ผู้ใช้รถ

เพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน เพื่อให้เกิดความปลอดภัย ซึ่งถ้าไม่ทำก็ไม่ได้ผิด

โดยป้ายเตือน แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ
 
1. ป้ายเตือนตามรูปแบบและลักษณะที่กำหนด

2. ป้ายเตือนที่แสดงด้วยข้อความ และ/หรือสัญลักษณ์

3. ป้ายเตือนในงานก่อสร้างต่าง ๆ


กรณีเกิดเหตุฉุกเฺฉิน

กรณีฉุกเฉิน

ขับรถในทุกวันนี้ กรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในขณะที่ใช้รถใช้ถนน

เพราะฉะนั้น สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก คือ ต้องมีสติ ใช้รถต้องให้สติ เพราะเมื่อ

เกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นมา และสามารถควบคุมสติได้ จะคิดหาวิธีการไม่ออกเลย 

ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่มือเก่าหรือมือใหม่ก็ตาม.... 

 

ยางระเบิด

เสียงดังจากการระเบิดของยาง สิ่งที่สำคัญรวบรวมสติไว้ 

ถ้าเป็นไปได้ก็เปิดไฟฉุกเฉินด้วย เพื่อให้คันที่ตามหลังมาทราบว่ารถของท่านกำลังมีปัญหา

อย่า หักพวงมาลัยทันทีทันใด ค่อย ๆ ผ่อนความเร็วลง 

พวงมาลัยรถจะค่อย ๆ หนักขึ้น รถจะเอียงไปทางด้านที่ล้อระเบิด 

บังคับรถให้วิ่งตรงทาง ค่อย ๆ เหยียบเบรคที่ละน้อยจนรถหยุด

นำรถเข้าชิดขอบทางด้านซ้ายแล้วเปลี่ยนยางอะไหล่

 

เบรคแตก

ถ้าเหยียบเบรคจะรู้สึกว่าจมหายลงไปไม่มีแรงต้าน ห้ามล้อไม่ได้

ให้บังคับพวงมาลัยให้รถวิ่งไปในทางที่ปลอดภัย 

พร้อมกับใช้นิ้วหัวแม่มือซ้ายกดปุ่มล็อคคันเบรคมือไว้ 

แล้วค่อย ๆ ดึงคันเบรคมือขึ้นและลงสลับกัน 

จนกระทั่งชะลอความเร็วและหยุดรถได้สนิท 

ข้อควรระวังก็คือ อย่าดึงเบรคมือขึ้นอย่างแรงในทันทีทันใด

 

หม้อน้ำรั่ว

ห้หยุดรถแล้วดับเครื่องยนต์ จากนั้นสังเกตรอยรั่วของหม้อน้ำ 

ซึ่งจะมีน้ำพุ่งออกมา ต้องอยู่ห่าง ๆ และห้ามเปิดฝาหม้อน้ำโดยเด็ดขาด 

เพราะหม้อน้ำกำลังร้อน อาจทำให้น้ำร้อนพุ่งออกมาลวกหน้าได้ ควรปล่อยให้หม้อน้ำเย็นลง

 

กระจกแตก

พยายามจำข้างหน้ารถไว้ว่ามีอะไรบ้าง เพื่อบังคับรถไม่ให้ชน 

เปิดไฟเลี้ยวซ้ายเข้าจอดไหล่ทางด้านซ้ายมือ ป้องกันรถคันอื่นชนและดึงเบรคมือไว้ 

หากมีผ้าเทปอยู่ในรถให้นำมาปิดประจกไว้ แล้วเคาะกระจกออก 

ถ้ามีแว่นตาให้ใส่ไว้เพื่อกันฝุ่นเข้าตา

 

รถตกน้ำ

ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยออก  ปล่อยให้ตัวรถบริเวณติดตั้งเครื่องยนต์จมน้ำก่อน 

ถ้าสามารถเปิดหน้าต่างหรือประตูรถออกได้ในขณะที่ตัวรถยังไม่จมน้ำหมดทั้งคันให้รีบทำ

แต่ถ้าไม่สามารถเปิดกระจกได้ ส่วนหัวของเบาะนั่ง ตรงส่วนที่รองรับหัวของท่าน มีประโยชน์

ให้ดึงออกมา สามารถงัดกระจกออกได้ 

 

ผู้เขียน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า 

กรณีต่าง ๆ ที่แนะนำไปนี้ คงจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่าน

แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับ สติ และประสบการณ์ของผู้ขับขี่ด้วย 

หวังว่าเหตุการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นท่าน ... 

โชคดีทุกท่านครับ


วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

รถสตาร์ตไม่ติด

รถสตาร์ตเท่าไหร่ก็ไม่ติด แล้วจะทำอย่างไร?

ถ้าผู้ขับขี่ที่มีพื้นฐานความรู้ด้านช่างอยู่บ้างก็คงจะพอแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้
แต่ถ้าเป็นผู้ขับขี่มือใหม่คงจะหาวิธีอื่น ยิ่งโดยเฉพาะผู้ขับขี่ที่ผู้สุภาพสตรีด้วยแล้ว
หาผู้ช่วยเลย ไม่ก็สอบถามผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์เพื่อที่จะทำการแก้ไขปัญหา

อาการเบื้องต้น เมื่อบิดกุญแจแล้วเครื่องยนต์ไม่หมุนแต่มีเสียงดังแชะ ๆ หรือไม่ดัง

ถ้าอาการนี้เกิดขึ้นกับรถยนต์ของคุณ สันนิษฐานว่า แบตเตอรี่ หรือไดสตาร์ตมีปัญหา ลองบีบแตรดูอาการว่าแตรดังปกติหรือไม่? แบตเตอรี่อาจจะอ่อนเกือบหมด ทำให้หมุนไดสตาร์ตไม่ไหว ได้แค่กระตุ้นโซลินอยด์เบาๆ แต่หมุนไม่ไหวจึงมีเสียงแชะๆ

ถ้าแบตเตอรี่มีไฟ ไดสตาร์ตอาจขัดข้อง ถ้าไดสตาร์ตขัดข้องให้ทดลองหาท่อนไม้มาเคาะไดสตาร์ต (ต้องระมัดระวังอย่าให้โดนอุปกรณ์อื่น ๆ) ถ้าสตาร์ตติดแสดงว่าไดสตาร์ตสกปรก แต่หลังจากนั้นก็ต้องถอดไปทำความสะอาดด้วย แต่ถ้าเคาะแล้วยังไม่ทำงานก็ต้องถอดออกไปซ่อม

บิดกุญแจแล้วเครื่องหมุนอืด ๆ ไม่ยอมทำงานเอง ถ้าคุณได้ยินเสียงไดสตาร์ต และการหมุนของเครื่องยนต์ แต่เป็นการหมุนช้า ๆ หรืออืด ๆ อาการนี้ มักมีปัญหามาจากแบตเตอรี่ไฟอ่อน แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ หรือไดชาร์จไม่ปกติ ไม่ใช่ปัญหาที่ตัวเครื่องยนต์

อาการขัดข้องแบบนี้ถ้าเป็นระบบเกียร์ธรรมดา สามารถเข็นโดยเข้าเกียร์ 2 กระตุกติดเครื่องยนต์ได้ หรือถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติก็สามารถพ่วงแบตเตอรี่จากภายนอกเพื่อสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ติดได้

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานแล้วให้ดูไฟรูปแบตเตอรี่ที่หน้าปัด ว่าสว่าง หรือเลือนราง ถ้าไฟรูปแบตเตอรี่ไม่สว่างแสดงว่าการชาร์จไฟปกติ แต่ถ้ารูปไฟแบตเตอรี่สว่างขึ้นโชว์ไม่ดับ ควรนำรถของท่านเข้าศูนย์บริการเพื่อทำการตรวจเช็คการชาร์จไฟของไดร์ชาร์จ  เพราะถ้าคุณขับรถต่อไปเครื่องยนต์อาจจะดับเองได้อีก

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557

วิเคราะห์ปัญหาเครื่องยนต์

ผู้ใช้รถถ้ามีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของเครื่องยนต์
ชิ้นส่วนประกอบเครื่องยนต์ว่าชิ้นส่วนใด ทำหน้าที่อะไร
ก็จะช่วยให้ท่านสามารถสังเกตุ คิด วิเคราะห์อาการผิดปกติว่าเกิดขึ้นจากที่ใด มาจากอะไร ท่านจะได้เก็บข้อมูลเพื่อนำไปแจ้งช่างผู้ชำนาญ
เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหารถยนต์ได้ถูกจุดได้

อาการผิดปกติที่สามารถสังเกตุในเบื้องต้น

* เครื่องยนต์สตาร์ทติดยาก

* เครื่องยนต์สตาร์ทติด แต่ช้ากว่าปกติ

* เวลาเดินรถเบา ๆ จะเกิดอาการกระตุก ติด ๆ ขัด หรือเครื่องยนต์เดินไม่นิ่ง

* กดกระจกไม่ลง

* เปิดไฟหน้าแล้วไฟหน้าปัดกระพริบ

* เบาเครื่องยนต์ เครื่องก็ดับไปเฉย ๆ

* เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น

* มีเสียงดังแปลก ในเวลาเร่งเครื่อง

* มีเสียงดังแปลก ๆ ในขณะเปลี่ยนเกียร์

* เข้าเกียร์เดินหน้าแล้วรถกระตุก

* ไฟหน้า-ไฟท้ายขาด

* หักพวงมาลัยไปทางซ้าย หรือทางขวา ไฟหน้าปัดตกหรือกระพริบ
ฯลฯ

อาการเบื้องต้นที่ได้กล่าวมาแล้ว ผู้ใช้รถอาจจะสามารถสังเกตุได้ และไม่ควรเพิกเฉย หรือปล่อยไป คิดเพียงว่าไม่เป็นไรมัง อย่าพลัดวันประกันพุ่ง อย่าปล่อยให้อาการเหล่านี้ทิ้งไว้จนปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ กลายเป็นปัญหาใหญ่ ทำให้เสียเงินเสียทองมากขึ้น  และหากวันใดวันหนึ่งที่ท่านต้องเดินทางไกลโดยไม่ได้ตั้งตัวแล้วบังเอิญรถของท่านเกิดปัญหาในเวลาดึก ๆ ในที่เปลี่ยว ห่างไกลบ้านคน

ขอแนะนำวิธีตรวจง่าย ๆ สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน ซึ่งเครื่องยนต์เบนซินจะใช้หัวเทียนในการจุดระเบิด ดังนั้นควรถอดหัวเทียนออกมาดูบ้าง เพื่อวิเคราะห์การเผาไหม้ในห้องเครื่องยนต์

การวิเคราะห์หัวเทียน

* หากหัวเทียนมีสีน้ำตาลไหม้ แสดงว่าการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ เครื่องยนต์ยังคงทำงานได้ตามปกติ

* หากหัวเทียนมีเขม่าสีดำเกาะอยู่โดยรอบ แสดงว่าส่วนผสมระหว่างน้ำมันและอากาศไม่ได้อัตราส่วนที่เหมาะสม เป็นต้นว่าน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ากระบอกสูบมากเกินไป ทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูณ์ จึงเกิดเขม่าดำในห้องเครื่องยนต์และไอเสีย

* หากหัวเทียนมีเขม่าสีขาวเกาะโดยรอบ คล้ายขี้เถ้า แสดงว่าส่วนผสมระหว่างน้ำมันและอากาศไม่ได้อัตราส่วนที่เหมาะสม เช่น อากาศรั่วเข้าไปในกระบอกสูบ ทำให้การเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ อาจมีซีลของแหวนบางตัวเกิดเสื่อมสภาพการใช้งาน

* หากหัวเทียนเปียกแฉะและกลิ่นน้ำมันเบนซิลโชยจนแทบทนไม่ไหว แสดงว่าน้ำมันท่วม หากมีควันขาวพุ่งออกเยอะ ก็ให้รีบนำรถเข้าตรวจเช็คระบบจ่ายน้ำมันทันที

* หากหัวเทียนแห้งปกติ ไม่มีกลิ่นน้ำมันเบนซินเลย แสดงว่าระบบจ่ายน้ำมันเริ่มมีปัญหา เช่น คาร์บูเรเตอร์ไม่จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ระบบไอดี

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ไม่ควรละเลย ก็คือเรื่อง "เสียง" โดยเฉพาะเสียงของเครื่องยนต์ เพราะถ้าจะเป็นรถยนต์รุ่นไหนก็ตาม หากว่าเครื่องยนต์มีการทำงานที่ผิดปกติ เราก็สามารถฟังและได้ยิน นอกจากว่าท่านจะไม่สนใจกับอาการผิดปกตินั้น แต่หากว่าเอะใจ และสังเกตุอาการไปเรื่อย ๆ แยกแยะ ก็จะทำให้ท่านสามารถแก้ไขปัญหาอาการได้อย่างทันท่วงที

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

การแก้ปัญหารถยนต์เบื้องต้น

ผู้ใช้รถยนต์จะต้องสังเกตุรถยนต์ที่ท่านใช้งาน เพื่อเป็นการสังเกตุสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น ไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไปสำหรับสังเกตุสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นการฟังเสียผิดปกติ อาการผิดปกติ ฯลฯ ทั้งนี้ ก็เพื่อเป็นการตรวจเช็คสภาพความพร้อมของรถยนต์ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาเบื้องต้น หรือเพื่อป้องกันการเกิดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของท่านได้

อาการผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อาทิเช่น เสียงเครื่องยนต์ที่ดังผิดปกติไปจากเดิม แรงสั่นสะเทือนที่ปกติไม่เคยเป็น หรือใช้เวลานานกว่าปกติสำหรับการสตาร์ทเครื่องยนต์ ซึ่งสาเหตุอาจมาจากหลาย ๆ สาเหตุ และในบางครั้งก็ไม่ได้หมายความว่าจะมาจากเครื่องยนต์เสียทั้งหมด

ดังนั้นแล้วผู้ใช้รถจึงจะต้องเคยสังเกตุอาการผิดปกติของรถยนต์ เพื่อวิเคราะห์ปัญหา และสามารถที่จะบอกอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ให้กับช่างผู้ชำนาญฟังได้

การสังเกตุอาจจะไม่ใช่เรื่องยากนัก เพราะเราจะชินกับการทำงานขั้นตอนเดิม ๆ ซึ่งเมื่อใดที่มีอาการผิดปกติแล้ว เราก็จะสามารถที่จะทราบถึงความผิดปกตินั้นอย่างง่ายดาย

และในบางครั้ง ถ้าผู้ใช้รถบางท่านที่มีความรู้เกี่ยวกับรถยนต์ ท่านก็จะสามารถที่จะแก้ไขปัญหารถยนต์ของท่านเองได้ หรือในการเดินทางไกลท่านอาจจะวิเคราะห์อาการเบื้องต้น สามารถประเมินสถานการณ์และตัดสินใจ เช่น ตัดสินใจแวะอู่ซ่อมรถข้างทาง หรืออาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านอาจจะประคองรถและสามารถเดินทางต่อไปอย่างระมัดระวัง

รถควันดำ

รถควันดำ และการแก้ไขรถควันดำ

เป็นไหม ถ้าคุณขับรถตามรถคันข้างหน้าที่ปล่อยคันดำออกมา คุณมักจะพูดติดตลกว่า ควันดำจัง ทำไมไม่แปลงฟันเลย ฯลฯ ไม่รู้เป็นเหมือนกันหรือเปล่า

ปัจจุบัน มลภาวะบ้านเราก็เยอะ รถก็เยอะ การรณรงค์จากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านผู้ผลิตรถยนต์เอง หรือจะเป็นในส่วนของภาครัฐบาลก็ตาม ทั้งนี้ก็จะต้องได้รับความร่วมมือจากตัวผู้ใช้รถด้วย ในการที่จะไม่ปล่อยปะละลายให้รถยนต์ของท่านมาปล่อยมลพิษที่สร้างมลภาวะให้กับสภาพแวดล้อม

สาเหตุของควันดำ

เครื่องยนต์ที่ผ่านการใช้งานมานานแสนนาน ก็มีความเสื่อมสภาพและซึกหรอมาก เช่น ลูกสูบ และกระบอกสูบ แหวนลูกสูบชำรุด

ปั้มฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงชำรุด หรืออาจเป็นสาเหตุจากการทำงานที่ไม่ถูกต้อง หรือฉีดน้ำมันในจังหวะที่ไม่ถูกต้อง

หัวฉีดน้ำมันแรงดันสูงที่จ่ายเข้าไปในห้องเผาไหม้ชำรุด

 
กรองอากาศอุดตัน

น้ำมันเครื่องมีอายุการใช้งานมาก

เขม่าควันดำและฝุ่นละอองค้างอยู่ภายในท่อไปเสีย


วิธีแก้ไข


  ซ่อมแซมเครื่องยนต์ในส่วนที่สึกหรอ เช่น การเปลี่ยนลูกสูบ แหวนลูกสูบ หรือ ทำการคว้านกระบอกสูบ แล้วเปลี่ยนลูกสูบให้ใหญ่ขึ้น

เข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คปั้มเครื่องยนต์ ปรับแต่งปั็้๊มจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง เปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุดสึกหรอ รวมทั้งปรับแต่งหัวฉีดน้ำมัน ปรับแต่งอัตราและจังหวะการฉีดน้ำมันให้เป็นไปตามบริษัทผู้ผลิตกำหนด

  เปลี่ยนไส้กรองอากาศใหม่ เพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์

  เปลี่ยนน้ำมันเครื่องตามระยะเวลา

  ปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ทำงานถูกต้องตามระยะเวลาที่กำหนด 

  ล้างท่อไปเสียโดยใช้น้ำหรือลมฉีดชะล้างเขม่าและฝุ่นละอองภายในท่อไอเสีย